Sunday, October 31, 2010

ทองขาว กับ ทองคำขาว (White gold vs. Platinum) 2

ทองขาว กับ ทองคำขาว (White gold vs. Platinum) 2
-ทองขาว ใช่ ทองคำขาว หรือเปล่า? คำตอบ คือ ไม่
ทองคำขาว มีชื่อภาษาอังกฤษว่า แพลทินัม (Platinum) ส่วนทองขาว มีชื่อภาษาอังกฤษว่า ไวท์โกลด์ (White gold)
ผู้ซื้อส่วนมากมักจะโดนร้านค้าสอนให้เรียกแบบผิดๆ ซึ่งทำให้สินค้าของตัวเองดูมีราคามากขึ้น แต่จริงๆแล้วทองคำขาวมีราคาสูงกว่าทองคำบริสุทธิ์ (Gold) ประมาณ 2 เท่า (ดูได้จากตารางข้างล่าง) ซึ่งทองขาวจะถูกว่าทองคำบริสุทธ์ เนื่องจากมีส่วนผสมที่ไม่ครบ 100% นั่นเอง

-ทองขาว White gold
ทองขาว คือโลหะผสม ของทองคำ และโลหะสีขาว เช่น เงิน และ แพลเลเดียม ซึ่งเราอาจจะเห็นทองขาวมีตัวเลข 90% , 75% หรือ % อื่นๆ  ก็ตาม ดูจากตัวอย่าง เช่น
ทองคำ (Yellow gold) มีตัวเลข 90% หมายถึง ทองคำ 90% + ทองแดงและสังกะสี อีก 10%
ทองขาว (White gold) มีตัวเลข 90% หมายถึง ทองคำ 90% + เงินและแพลเลเดียม อีก 10%
จึงเห็นได้ว่ามีทองคำเป็นโลหะหลักเหมือนกัน แต่มีส่วนผสมอื่นต่างกัน
เมื่อก่อนจะใช้ นิกเกิล (Nickel) มาเป็นส่วนผสมในการทำทองขาว แต่ต่อมาก็ไม่ได้นำมาใช้ เพราะว่าเกิดปฏิกิริยาทางเคมีกับผิวหนังของคนบางคน โดยมีการระคายเคืองเล็กน้อยและอาจจะเป็นผื่นคัน
แหวนทองขาวระยะหลัง จะมีการเคลือบผิวด้วยโลหะสีขาวที่เรียกว่า โรเดียม (Rhodium) ซึ่งดูคล้ายกับทองคำขาวมาก
การเคลือบผิว(ชุบ)ด้วยโรเดียม จะทำให้ทองขาวดูขาวมากขึ้นอีก โดยธรรมชาติแล้วสีของทองขาวจะเป็นสีออกขาวอมเทา แต่โรเดียมจะขาวมากและแข็งมากอีกด้วย
ในการเก็บรักษาแหวนทองขาวให้ดูดีตลอด จะต้องนำไปชุบด้วยโรเดียมทุกๆ 12-18 เดือน

-ทองคำกับทองขาว อย่างไหนแพงกว่ากัน?
ขึ้นอยู่ส่วนผสม หรือเปอร์เซ็นต์ (%) ของทองคำที่นำไปใช้ แต่ถ้ามีส่วนผสมหรือเปอร์เซ็นต์ (%) ที่เท่ากันแล้ว ทองขาว 75% จะแพงกว่าทองคำ 75% เพราะว่าเงินและแพลเลเดียม ที่ใช้เป็นส่วนผสมของทองขาว มีราคาสูงกว่า ทองแดงและสังกะสีที่ใช้เป็นส่วนผสมของทองคำ

-ทองคำขาว (Platinum)
ทองคำขาวคือโลหะสีขาวบริสุทธิ์ (อยู่ที่ประมาณ 95%) มาจากรากศัพท์ว่า  แพลทินา ซึ่งแปลว่าเงินเล็กๆ  ทองคำขาวมักพบเป็นเม็ดเล็กๆ หรือก้อนขนาดเล็กที่อยู่ในตะกอบทับถมของแร่ แหล่งทับถมแหล่งใหญ่คือ รัสเซีย แคนาดา และแอฟริกาใต้ ด้วยความแข็งที่ไม่มาก จึงไม่ค่อยเป็นผลึกที่เป็นเหลี่ยมคมมาก มักถูกใช้เป็นตัวโลหะสำคัญในเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่นเครื่องมือผ่าตัด  เพราะไม่เป็นสนิม และที่นิยมมาทำเครื่องประดับ เพราะจะมีความขาวที่ยาวนานมาก (ไม่ลอกไม่ดำ) ดังนั้นจึงไม่ต้องนำไปชุบด้วย โรเดียมเหมือนทองขาว
ทองคำขาวจะมีความหนักกว่าทองคำเมื่อเทียบในปริมาณเท่ากัน เมื่อสวมใส่จะสามารถรู้สึกได้ทันที
ทองคำขาวจะแพงกว่าทองคำ ราวๆ 2 เท่า (ดูได้จากตารางข้างล่าง) แต่เวลาขายนะซิ ราคาจะลดลงอย่างน่าใจหาย อาจต่ำกว่าทองคำด้วยซ้ำไป  (เหมือนกับซื้อรถยุโรปมาใช้ แล้วขายต่อราคาตก เลยนะครับ)
   
-สีของทองขาว แตกต่างจาก ทองคำขาว อย่างไร
ถ้าเป็นเครื่องประดับทองขาวแท้ๆ จะมีสีขาวอมเทา แต่ถ้าถูกชุบด้วยโรเดียมมาใหม่ๆ สีจะขาวกว่าซึ่งดูคล้ายทองคำขาวมาก แทบแยกไม่ออก

- โลหะมีค่าชนิดไหนแข็งที่สุด
โลหะมีค่า เรียงตามความแข็ง ที่มา : http://th.wikipedia.org
ชนิดโลหะ
(Metal)
โรเดียม
(Rhodium)
แพลเลเดียม (Palladium)
ทองคำขาว
(Platinum)
ทองคำ
(Gold)
เงิน
(Silver)
ความแข็ง (โมห์ส)
6.0
4.75
3.50
2.50
2.50

- โลหะมีค่าชนิดไหนหนักมากที่สุด
โลหะมีค่า เรียงตามความน้ำหนัก ที่มา : http://th.wikipedia.org
ชนิดโลหะ
(Metal)
ทองคำขาว
(Platinum)
ทองคำ
(Gold)
โรเดียม
(Rhodium)
แพลเลเดียม (Palladium)
เงิน
(Silver)
ความถ่วงจำเพาะ
21.45
19.30
12.41
12.02
10.49

- โลหะมีค่าชนิดไหนหลอมทำตัวเรือนและจัดแต่งได้ยากที่สุด
โลหะมีค่า เรียงตามจุดหลอมเหลว (ยิ่งมีค่ามากยิ่งต้องใช้ความร้อนสูงมาก) ที่มา : http://th.wikipedia.org
ชนิดโลหะ
(Metal)
โรเดียม
(Rhodium)
ทองคำขาว
(Platinum)
แพลเลเดียม (Palladium)
ทองคำ
(Gold)
เงิน
(Silver)
องศาเซลเซียส
1,964
1,768.30
1,554.90
1,064.18
961.78

- โลหะมีค่าชนิดไหนแพงที่สุด
โลหะมีค่า เรียงตามราคา ที่มา : http://www.kitco.com
าคา ณ วันที่ 16 มี.ค. 50 เวลา 8.41 น. (กำหนดให้ค่าเงิน 1 US$ = 35 บาท)
ชนิดโลหะ
(Metal)
โรเดียม
(Rhodium)
ทองคำขาว
(Platinum)
ทองคำ
(Gold)
แพลเลเดียม (Palladium)
เงิน
(Silver)
บาท ต่อ 1 กรัม
6,667.15
1,370.56
734.23
392.71
14.65
บาท ต่อ 15.2 กรัม
101,340.66
20,832.56
11,160.30
5,969.26
222.69

ทองขาว กับ ทองคำขาว (White gold vs. Platinum)

-ทองขาว ใช่ ทองคำขาว หรือเปล่า? คำตอบ คือ ไม่
ทองคำขาว มีชื่อภาษาอังกฤษว่า แพลทินัม (Platinum) ส่วนทองขาว มีชื่อภาษาอังกฤษว่า ไวท์โกลด์ (White gold)
ผู้ ซื้อส่วนมากมักจะโดนร้านค้าสอนให้เรียกแบบผิดๆ ซึ่งทำให้สินค้าของตัวเองดูมีราคามากขึ้น แต่จริงๆแล้วทองคำขาวมีราคาสูงกว่าทองคำบริสุทธิ์ (Gold) ประมาณ 2 เท่า (ดูได้จากตารางข้างล่าง) ซึ่งทองขาวจะถูกว่าทองคำบริสุทธ์ เนื่องจากมีส่วนผสมที่ไม่ครบ 100% นั่นเอง

-ทองขาว White gold
ทองขาว คือโลหะผสม ของทองคำ และโลหะสีขาว เช่น เงิน และ แพลเลเดียม ซึ่งเราอาจจะเห็นทองขาวมีตัวเลข 90% , 75% หรือ % อื่นๆ  ก็ตาม ดูจากตัวอย่าง เช่น
ทองคำ (Yellow gold) มีตัวเลข 90% หมายถึง ทองคำ 90% + ทองแดงและสังกะสี อีก 10%
ทองขาว (White gold) มีตัวเลข 90% หมายถึง ทองคำ 90% + เงินและแพลเลเดียม อีก 10%
จึงเห็นได้ว่ามีทองคำเป็นโลหะหลักเหมือนกัน แต่มีส่วนผสมอื่นต่างกัน
เมื่อก่อนจะใช้ นิกเกิล (Nickel) มาเป็นส่วนผสมในการทำทองขาว แต่ต่อมาก็ไม่ได้นำมาใช้ เพราะว่าเกิดปฏิกิริยาทางเคมีกับผิวหนังของคนบางคน โดยมีการระคายเคืองเล็กน้อยและอาจจะเป็นผื่นคัน
แหวนทองขาวระยะหลัง จะมีการเคลือบผิวด้วยโลหะสีขาวที่เรียกว่า โรเดียม (Rhodium) ซึ่งดูคล้ายกับทองคำขาวมาก
การ เคลือบผิว(ชุบ)ด้วยโรเดียม จะทำให้ทองขาวดูขาวมากขึ้นอีก โดยธรรมชาติแล้วสีของทองขาวจะเป็นสีออกขาวอมเทา แต่โรเดียมจะขาวมากและแข็งมากอีกด้วย
ในการเก็บรักษาแหวนทองขาวให้ดูดีตลอด จะต้องนำไปชุบด้วยโรเดียมทุกๆ 12-18 เดือน

-ทองคำกับทองขาว อย่างไหนแพงกว่ากัน?
ขึ้นอยู่ส่วนผสม หรือเปอร์เซ็นต์ (%) ของทองคำที่นำไปใช้ แต่ถ้ามีส่วนผสมหรือเปอร์เซ็นต์ (%) ที่เท่ากันแล้ว ทองขาว 75% จะแพงกว่าทองคำ 75% เพราะว่าเงินและแพลเลเดียม ที่ใช้เป็นส่วนผสมของทองขาว มีราคาสูงกว่า ทองแดงและสังกะสีที่ใช้เป็นส่วนผสมของทองคำ

-ทองคำขาว (Platinum)
ทองคำขาวคือโลหะสีขาวบริสุทธิ์ (อยู่ที่ประมาณ 95%) มาจากรากศัพท์ว่า  แพลทินา ซึ่งแปลว่าเงินเล็กๆ  ทองคำ ขาวมักพบเป็นเม็ดเล็กๆ หรือก้อนขนาดเล็กที่อยู่ในตะกอบทับถมของแร่ แหล่งทับถมแหล่งใหญ่คือ รัสเซีย แคนาดา และแอฟริกาใต้ ด้วยความแข็งที่ไม่มาก จึงไม่ค่อยเป็นผลึกที่เป็นเหลี่ยมคมมาก มักถูกใช้เป็นตัวโลหะสำคัญในเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่นเครื่องมือผ่าตัด  เพราะ ไม่เป็นสนิม และที่นิยมมาทำเครื่องประดับ เพราะจะมีความขาวที่ยาวนานมาก (ไม่ลอกไม่ดำ) ดังนั้นจึงไม่ต้องนำไปชุบด้วย โรเดียมเหมือนทองขาว
ทองคำขาวจะมีความหนักกว่าทองคำเมื่อเทียบในปริมาณเท่ากัน เมื่อสวมใส่จะสามารถรู้สึกได้ทันที
ทองคำขาวจะแพงกว่าทองคำ ราวๆ 2 เท่า (ดูได้จากตารางข้างล่าง) แต่เวลาขายนะซิ ราคาจะลดลงอย่างน่าใจหาย อาจต่ำกว่าทองคำด้วยซ้ำไป  (เหมือนกับซื้อรถยุโรปมาใช้ แล้วขายต่อราคาตก เลยนะครับ)
  
-สีของทองขาว แตกต่างจาก ทองคำขาว อย่างไร
ถ้าเป็นเครื่องประดับทองขาวแท้ๆ จะมีสีขาวอมเทา แต่ถ้าถูกชุบด้วยโรเดียมมาใหม่ๆ สีจะขาวกว่าซึ่งดูคล้ายทองคำขาวมาก แทบแยกไม่ออก

- โลหะมีค่าชนิดไหนแข็งที่สุด
โลหะมีค่า เรียงตามความแข็ง ที่มา : http://th.wikipedia.org
ชนิดโลหะ
(Metal)
โรเดียม
(Rhodium)
แพลเลเดียม (Palladium)
ทองคำขาว
(Platinum)
ทองคำ
(Gold)
เงิน
(Silver)
ความแข็ง (โมห์ส)
6.0
4.75
3.50
2.50
2.50

- โลหะมีค่าชนิดไหนหนักมากที่สุด
โลหะมีค่า เรียงตามความน้ำหนัก ที่มา : http://th.wikipedia.org
ชนิดโลหะ
(Metal)
ทองคำขาว
(Platinum)
ทองคำ
(Gold)
โรเดียม
(Rhodium)
แพลเลเดียม (Palladium)
เงิน
(Silver)
ความถ่วงจำเพาะ
21.45
19.30
12.41
12.02
10.49

- โลหะมีค่าชนิดไหนหลอมทำตัวเรือนและจัดแต่งได้ยากที่สุด
โลหะมีค่า เรียงตามจุดหลอมเหลว (ยิ่งมีค่ามากยิ่งต้องใช้ความร้อนสูงมาก) ที่มา : http://th.wikipedia.org
ชนิดโลหะ
(Metal)
โรเดียม
(Rhodium)
ทองคำขาว
(Platinum)
แพลเลเดียม (Palladium)
ทองคำ
(Gold)
เงิน
(Silver)
องศาเซลเซียส
1,964
1,768.30
1,554.90
1,064.18
961.78

- โลหะมีค่าชนิดไหนแพงที่สุด
โลหะมีค่า เรียงตามราคา ที่มา : http://www.kitco.com
ราคา ณ วันที่ 16 มี.ค. 50 เวลา 8.41 น. (กำหนดให้ค่าเงิน 1 US$ = 35 บาท)
ชนิดโลหะ
(Metal)
โรเดียม
(Rhodium)
ทองคำขาว
(Platinum)
ทองคำ
(Gold)
แพลเลเดียม (Palladium)
เงิน
(Silver)
บาท ต่อ 1 กรัม
6,667.15
1,370.56
734.23
392.71
14.65
บาท ต่อ 15.2 กรัม
101,340.66
20,832.56
11,160.30
5,969.26
222.69
แก้ไขล่าสุด ( วันศุกร์ที่ 23 มกราคม 2009 เวลา 17:24 ) 
-ทองขาว ใช่ ทองคำขาว หรือเปล่า? คำตอบ คือ ไม่
ทองคำขาว มีชื่อภาษาอังกฤษว่า แพลทินัม (Platinum) ส่วนทองขาว มีชื่อภาษาอังกฤษว่า ไวท์โกลด์ (White gold)
ผู้ ซื้อส่วนมากมักจะโดนร้านค้าสอนให้เรียกแบบผิดๆ ซึ่งทำให้สินค้าของตัวเองดูมีราคามากขึ้น แต่จริงๆแล้วทองคำขาวมีราคาสูงกว่าทองคำบริสุทธิ์ (Gold) ประมาณ 2 เท่า (ดูได้จากตารางข้างล่าง) ซึ่งทองขาวจะถูกว่าทองคำบริสุทธ์ เนื่องจากมีส่วนผสมที่ไม่ครบ 100% นั่นเอง

-ทองขาว White gold
ทองขาว คือโลหะผสม ของทองคำ และโลหะสีขาว เช่น เงิน และ แพลเลเดียม ซึ่งเราอาจจะเห็นทองขาวมีตัวเลข 90% , 75% หรือ % อื่นๆ  ก็ตาม ดูจากตัวอย่าง เช่น
ทองคำ (Yellow gold) มีตัวเลข 90% หมายถึง ทองคำ 90% + ทองแดงและสังกะสี อีก 10%
ทองขาว (White gold) มีตัวเลข 90% หมายถึง ทองคำ 90% + เงินและแพลเลเดียม อีก 10%
จึงเห็นได้ว่ามีทองคำเป็นโลหะหลักเหมือนกัน แต่มีส่วนผสมอื่นต่างกัน
เมื่อก่อนจะใช้ นิกเกิล (Nickel) มาเป็นส่วนผสมในการทำทองขาว แต่ต่อมาก็ไม่ได้นำมาใช้ เพราะว่าเกิดปฏิกิริยาทางเคมีกับผิวหนังของคนบางคน โดยมีการระคายเคืองเล็กน้อยและอาจจะเป็นผื่นคัน
แหวนทองขาวระยะหลัง จะมีการเคลือบผิวด้วยโลหะสีขาวที่เรียกว่า โรเดียม (Rhodium) ซึ่งดูคล้ายกับทองคำขาวมาก
การ เคลือบผิว(ชุบ)ด้วยโรเดียม จะทำให้ทองขาวดูขาวมากขึ้นอีก โดยธรรมชาติแล้วสีของทองขาวจะเป็นสีออกขาวอมเทา แต่โรเดียมจะขาวมากและแข็งมากอีกด้วย
ในการเก็บรักษาแหวนทองขาวให้ดูดีตลอด จะต้องนำไปชุบด้วยโรเดียมทุกๆ 12-18 เดือน

-ทองคำกับทองขาว อย่างไหนแพงกว่ากัน?
ขึ้นอยู่ส่วนผสม หรือเปอร์เซ็นต์ (%) ของทองคำที่นำไปใช้ แต่ถ้ามีส่วนผสมหรือเปอร์เซ็นต์ (%) ที่เท่ากันแล้ว ทองขาว 75% จะแพงกว่าทองคำ 75% เพราะว่าเงินและแพลเลเดียม ที่ใช้เป็นส่วนผสมของทองขาว มีราคาสูงกว่า ทองแดงและสังกะสีที่ใช้เป็นส่วนผสมของทองคำ

-ทองคำขาว (Platinum)
ทองคำขาวคือโลหะสีขาวบริสุทธิ์ (อยู่ที่ประมาณ 95%) มาจากรากศัพท์ว่า  แพลทินา ซึ่งแปลว่าเงินเล็กๆ  ทองคำ ขาวมักพบเป็นเม็ดเล็กๆ หรือก้อนขนาดเล็กที่อยู่ในตะกอบทับถมของแร่ แหล่งทับถมแหล่งใหญ่คือ รัสเซีย แคนาดา และแอฟริกาใต้ ด้วยความแข็งที่ไม่มาก จึงไม่ค่อยเป็นผลึกที่เป็นเหลี่ยมคมมาก มักถูกใช้เป็นตัวโลหะสำคัญในเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่นเครื่องมือผ่าตัด  เพราะ ไม่เป็นสนิม และที่นิยมมาทำเครื่องประดับ เพราะจะมีความขาวที่ยาวนานมาก (ไม่ลอกไม่ดำ) ดังนั้นจึงไม่ต้องนำไปชุบด้วย โรเดียมเหมือนทองขาว
ทองคำขาวจะมีความหนักกว่าทองคำเมื่อเทียบในปริมาณเท่ากัน เมื่อสวมใส่จะสามารถรู้สึกได้ทันที
ทองคำขาวจะแพงกว่าทองคำ ราวๆ 2 เท่า (ดูได้จากตารางข้างล่าง) แต่เวลาขายนะซิ ราคาจะลดลงอย่างน่าใจหาย อาจต่ำกว่าทองคำด้วยซ้ำไป  (เหมือนกับซื้อรถยุโรปมาใช้ แล้วขายต่อราคาตก เลยนะครับ)
   
-สีของทองขาว แตกต่างจาก ทองคำขาว อย่างไร
ถ้าเป็นเครื่องประดับทองขาวแท้ๆ จะมีสีขาวอมเทา แต่ถ้าถูกชุบด้วยโรเดียมมาใหม่ๆ สีจะขาวกว่าซึ่งดูคล้ายทองคำขาวมาก แทบแยกไม่ออก

- โลหะมีค่าชนิดไหนแข็งที่สุด
โลหะมีค่า เรียงตามความแข็ง ที่มา : http://th.wikipedia.org
ชนิดโลหะ
(Metal)
โรเดียม
(Rhodium)
แพลเลเดียม (Palladium)
ทองคำขาว
(Platinum)
ทองคำ
(Gold)
เงิน
(Silver)
ความแข็ง (โมห์ส)
6.0
4.75
3.50
2.50
2.50

- โลหะมีค่าชนิดไหนหนักมากที่สุด
โลหะมีค่า เรียงตามความน้ำหนัก ที่มา : http://th.wikipedia.org
ชนิดโลหะ
(Metal)
ทองคำขาว
(Platinum)
ทองคำ
(Gold)
โรเดียม
(Rhodium)
แพลเลเดียม (Palladium)
เงิน
(Silver)
ความถ่วงจำเพาะ
21.45
19.30
12.41
12.02
10.49

- โลหะมีค่าชนิดไหนหลอมทำตัวเรือนและจัดแต่งได้ยากที่สุด
โลหะมีค่า เรียงตามจุดหลอมเหลว (ยิ่งมีค่ามากยิ่งต้องใช้ความร้อนสูงมาก) ที่มา : http://th.wikipedia.org
ชนิดโลหะ
(Metal)
โรเดียม
(Rhodium)
ทองคำขาว
(Platinum)
แพลเลเดียม (Palladium)
ทองคำ
(Gold)
เงิน
(Silver)
องศาเซลเซียส
1,964
1,768.30
1,554.90
1,064.18
961.78

- โลหะมีค่าชนิดไหนแพงที่สุด
โลหะมีค่า เรียงตามราคา ที่มา : http://www.kitco.com
ราคา ณ วันที่ 16 มี.ค. 50 เวลา 8.41 น. (กำหนดให้ค่าเงิน 1 US$ = 35 บาท)
ชนิดโลหะ
(Metal)
โรเดียม
(Rhodium)
ทองคำขาว
(Platinum)
ทองคำ
(Gold)
แพลเลเดียม (Palladium)
เงิน
(Silver)
บาท ต่อ 1 กรัม
6,667.15
1,370.56
734.23
392.71
14.65
บาท ต่อ 15.2 กรัม
101,340.66
20,832.56
11,160.30
5,969.26

เนื้อเพลง 甜 蜜 蜜 tian mi mi หวานปานน้ำผึ้ง

甜蜜蜜, 你笑得甜蜜蜜,
tian mi mi, ni xiao de tian mi mi,
เถียน มี มี, นี เซียว เดอ เถียน มี มี
Honey sweet, You smile so honey sweet!
หวานปานน้ำผึ้ง, เธอยิ้ม หวานปานน้ำผึ้ง

好像花兒 開在春風裡,開在春風裡。
hao xiang hua er, kai zhe chun teng li, kai zai chun teng li,
เฮา เซียง ฮัว เออ, ไค เจอ ชุน เติง ลี, ไค เจอ ชุน เติง ลี
That's look like blooming flowers in spring, blooming flowers in spring !
ช่างเหมือนกับดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ, บานในฤดูใบไม้ผลิ

*
在哪裡, 在哪 裡 見過你 ?
zai nar li, zai na li jian guo ni ?
ไจ นา ลี, ไจ นา ลี เจียน กัว นี
Where... Where have I ever seen you ?
ที่ไหนนะ, ที่ไหนนะ ที่พบเธอมาก่อน ?

你的笑容這樣熟 悉,
ni di xiao rong zhe yang shu xi,
นี ดี เซียว หรง เจอ หยาง ชู ซี
Your smile look so attach to me.
ยิ้มของเธอช่างคุ้นเคย

我一時想不起。
wo yi shi xiang bu qi.
หวอ ยี ชี เซียง ปู ฉี
Unable to remember yet...
ฉันคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก

啊,在夢裡。
a... zai meng li.
อา... ไจ เมิง ลี
Oh... In my dream !
อา... ในฝัน

**
夢裡,夢裡 見過你。
meng li, meng li jian guo ni
เมิง ลี, เมิง ลี เจียน กัว นี
In my dream... In my dream I have seen you
ในฝัน, ในฝัน ที่พบเธอ

甜蜜,笑得 多甜蜜,
tian mi, xiao de tao tian mi,
เถียน มี, เซียว เดอ เตา เถียน มี
You smile so honey sweet!
ยิ้มของเธอช่างหวานเสียเหลือเกิน

是你,是你,夢見的就是你。
shi ni, shi ni, meng jian li jiu shi ni
ชี นี, ชี นี เมิง เจียน ลี เจียว ชี นี
Being you... Being you that I have seen in my dream
คือเธอ, คือเธอ ในฝันที่พบคือเธอนั่นเอง

*
在哪裡, 在哪 裡 見過你 ?
zai nar li, zai na li jian guo ni ?
ไจ นา ลี, ไจ นา ลี เจียน กัว นี
Where... Where have I ever seen you ?
ที่ไหนนะ, ที่ไหนนะ ที่พบเธอมาก่อน

你的笑容這樣熟悉,
ni di xiao rong zhe yang shu xi,
นี ดี เซียว หรง เจอ หยาง ชู ซี
Your smile look so attach to me.
ยิ้มของเธอช่างคุ้นเคย

我一時想不起。
wo yi shi xiang bu qi.
หวอ ยี ชี เซียง ปู ฉี
Unable to remember yet...
ฉันคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก

啊,在夢裡。
a... zai meng li.
อา... ไจ เมิง ลี
Oh... In my dream !
อา... ในฝัน

( * , ** , * )

HK Weekly Vol 410 : ... สุดเท่ห์กับสุดหล่อ ... Louis Koo กู่เทียนเล่อ ...


หวัดดีครับ เพื่อนๆ ... Hong Kong Weekly หมายเลข 410 มาพร้อมกับ ภาพเท่ห์ๆของพระเอกหนุ่มสุดหล่อ ขวัญใจสาวๆ

Louis Koo กู่เทียนเล่อ ครับ



ไม่ว่ากี่ปีต่อกี่ปี เฮียกู่ก็ยังหล่อเหมือนเดิม



ช่วงนี้เฮียกู่มุ่งเน้นงานหนังใหญ่เป็นหลัก



ส่วนงาน TVB เฮียกู่บอกว่า ยังมีสัญญาละครกับ TVB อยู่ 20 ตอน แต่ไม่รู้จะมีเวลาเล่นให้เมื่อไร ครับ



หนังใหญ่ก็ยังมีผลงานออกมาเรื่อยๆ ครับ



เฮียกู่ เท่ห์ทุกมุม



เฮียกู่อีกรูปครับ

TVB จากฮ่องกง มาถ่ายทำรายการ ณ บ้านสุขาวดี เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวประเทศไทย

ดร.ปัญญา โชติเทวัญ ถ่ายรูปร่วมกับดาราฮ่องกงจากรายการ TVB

วันที่ 23 กันยายน 2552 TVB จากฮ่องกง ได้มาถ่ายทำรายการ Hong Thai  Travel Hong Kong ณ บ้านสุขาวดี ซึ่งการถ่ายทำครั้งนี้ เพื่อช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วย 
TVB ฮ่องกงมอบของที่ระลึกให้คุณเสาวลักษณ์ โชติเทวัญ ซึ่งเป็นตัวแทน ดร.ปัญญา โชติเทวัญ เจ้าของบ้าน


คุณเสาวลักษณ์ โชติเทวัญ เป็นตัวแทนมอบของที่ระลึกให้กับทีมดาราฮ่องกง







Matcha Tiramisu (Japanese Green Tea Tiramisu)


Japanese cuisine (日本料理) means traditional-style Japanese food, similar to that already existing before the end of national seclusion in 1868. In a broader sense of the word, it could also include foods whose ingredients or cooking methods were subsequently introduced from abroad, but which have been developed by Japanese who made them their own.

Japanese cuisine is known for its emphasis on seasonality of food quality of ingredients and presentation.

Matcha Tiramisu (Japanese Green Tea Tiramisu)
- Serves 8 -
Ingredients

1 cup strong Japanese Green Tea
2 eggs
75 g caster sugar
250g Mascarpone cheese
300 ml double cream
1 packet Savoiardi sponge fingers (you can replace them with sponge cake)
Matcha powder
Chopped pistachios

Method

Combine the eggs and caster sugar in an electric mixer and whisk together until thick and light. The mixture should be thick enough to leave a trail on the surface.
Put the Mascarpone cheese into a large bowl. Stir in a little of the egg mixture. Fold in the remaining egg mixture. Fold in the double cream.
Cut the sponge fingers to fit the size of the base of the serving glass.
Line the bottom of the glass with a layer of sponge fingers. Drizzle green tea over the sponge fingers.
Sprinkle over a thick layer of matcha powder, then spoon Mascarpone mixture on top (3-4 tbsp, enough to cover the sponge fingers). Level the surface.
Repeat the layers until it reaches the top of glass.
Decorate with the remaining matcha powder and sprinkle generously with chopped pistachios.
Cover and chill for 4 hours.

Japanese Green Tea Ice Cream Recipe

"ชา"ในญี่ปุ่นมีหลายชนิด ซึ่งแตกต่างไปตามกรรมวิธีการผลิต และส่วนผสม ชาเขียว ((緑茶, green tea) เป็นชาที่เก็บเกี่ยวจากพืชในชนิด Camellia sinensis (เช่นเดียวกับ ชาขาว ชาดำ และชาอู่หลง ชาที่ไม่ผ่านการหมัก ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีคุณสมบัติในการต้านทานโรคได้นานาชนิดจึงเป็นที่นิยมของคนส่วนใหญ่ น้ำชาจะ เป็นสีเขียวหรือเหลืองอมเขียว มีรสฝาดไม่มีกลิ่น แต่จะมีการแต่งกลิ่นเผื่อให้เกิดความน่ารับประทานมากขึ้น

ชาเขียวแบบญี่ปุ่น ไม่ต้องคั่วใบชา ชาเขียวมีสารอาหารพวกโปรตีน น้ำตาลเล็กน้อย และมีวิตามินอีสูง ในใบชาเขียวมีสารสำคัญ 2 ชนิด ได้แก่ กาเฟอีน(caffein) และแทนนิน หรือ ฝาดชา (tea tannin) ในชาเขียวทำให้เมตาบอลิซึมในร่างกายดีขึ้น เผาผลาญพลังงานได้มาก เป็นผลทำให้น้ำหนักตัวลดลง โดยที่ไม่มีผลกระทบต่ออัตราการเต้นของหัวใจ

Japanese Green Tea Ice Cream Recipe
Although ice cream is not normally associated with Japanese cuisine, green tea flavoured ice cream is a great dessert with a traditional Japanese twist. It is widely available in Japan and East Asia and is becoming more and more popular in the West too. A great colourful dessert to impress at any dinner party!


INGREDIENTS – SERVES 2-4

• 2 Tablespoons of Matcha Green Tea Powder
• 2/3 of a Cup of Granulated Sugar
• 3 Egg Yolks
• 3/4 of a Cup of Milk
• 3/4 of a Cup of Double Cream


HOW TO PREPARE

1. Begin by mixing two tablespoons of granulated sugar with the matcha green tea powder in a bowl.

2. In a separate bowl, mix the remainder of the granulated sugar with the egg yolks.

3. Gently heat the milk on a pan without letting it boil. Remove from the heat and mix a small amount of the warm milk with the matcha green tea and sugar and egg mix until it becomes a smooth paste.

4. Gradually add the milk to the rest of the matcha green tea paste while keeping the mixture smooth and then return to the heat.

5. Before the mixture boils, remove again from the heat and then strain the whole mix through a fine sieve to remove any impurities. Leave the mixture to cool before the next step.

6. Whip the cream lightly and then fold into the matcha green tea mixture.

7. Once the mixing is complete, set in a large container and put in the fridge to cool down for a few hours.

8. Finally, you can put the container in the freezer. To stop ice crystals forming in the ice cream, be sure to remove every few hours and mix the ice cream vigourously. Repeat this a few times as it freezes to guarantee a delicious, perfectly smooth ice cream!

What is Wasabi???...............

“Wasabi” is referred to as “King of Condiment” due to its healthful qualities including anti-bacterial properties, killing some forms of E-coli and Staphylococcus, antioxidant, etc.

The unique characteristic is the “Sinus Clearing Effect” which is not similar to chili or pepper, but can enhance and spice up the flavor of food.

Most consumers still don’t understand clearly of what wasabi is, in some countries, wasabi is miscalled as “Japanese Horseradish” or “Green Horseradish”, etc.

WHAT IS WASABI?

W A S A B I (Wasabia japonica syn. Eutrema japonica) is a member of the Brassicaceae (Cruciferae) family and it is an indigenous herb of Japan. It is the same family as cabbage and in Japanese writing (kanji characters) means “Mountain Hollyhock” as the leaves look like Hollyhock. It is a perennial which grows about knee high and have one main root (rhizome) and various little roots – normally the main root (rhizome) will be used as Grated Wasabi. There are only 3 plants in the world that have similar pungency,
  1. Wasabi
  2. Mustard
  3. Horseradish
Of the above 3 plants, wasabi is the most expensive as it is the most difficult to grow. Wasabi can be cultivated as ground-grown or water-grown. The water grown plants produce a higher quality product than the ground grown plants, but the price is very expensive due to its very difficult growing requirements.

HEALTH BENEFITS OF REAL WASABI
WASABI has been grown and eaten in Japan for centuries as it is believed that the regular consumption of WASABI improves the health and fights off a large number of illnesses. Several researches have shown that the active natural components in WASABI are able to :
  • Eliminates some types of cancer cells
  • Decreases the multiplication of human stomach cancer cells
  • Improves blood circulation
  • Encourages the bodies own defence to discard cells that have started to mutate
  • Acts as anti-bacterial and anti-fungal agents against uncooked foods
  • Prevents tooth decay
The realization that WASABI has several health benefits, both in the short and long term, has expanded the market for WASABI and WASABI-based products worldwide.

......................................................................................................................................................

วาซาบิ
วาซาบิ ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายว่าเป็น "ราชาของสมุนไพร" เนื่องมาจากคุณประโยชน์ในด้านสุขภาพมากมาย เช่น สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆ ได้ ฯลฯ

เอกลักษณ์เฉพาะของวาซาบิ คือ ความฉุนและเผ็ดร้อนขึ้นจมูก ซึ่งแตกต่างไปจากความรู้สึกเผ็ดร้อนที่ได้จากพริก หรือพริกไทยและวาซาบิยังสามารถช่วยเพิ่มรสชาติ และความจัดจ้านให้กับอาหารอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังเข้าใจไม่จัดเจนว่าวาซาบิคืออะไรกันแน่ แต่ละประเทศก็เรียกวาซาบิไปต่างๆ นานา ว่า “มัสตาร์ดญี่ปุ่น” หรือ “ฮอร์สแรดิชญี่ปุ่น” หรือ “ฮอร์สแรดิชสีเขียว” ฯลฯ

วาซาบิ คืออะไร?
วาซาบิ (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Wasabia japonica) เป็นพืชในวงศ์ Brassicaceae (Cruciferae) หรือพืชตระกูลกะหล่ำและยังเป็นสมุนไพรดั้งเดิมของญี่ปุ่น ในภาษาเขียนของญี่ปุ่นจะเขียนว่า “โฮลีฮอค-ภูเขา” เนื่องจากใบของวาซาบิมีลักษณะคล้ายกับดอก
โฮลีฮอค วาซาบิเป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงแค่เข่า เป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูง และจะสร้างรากแก้ว (ซึ่งจะนำมาใช้ทำวาซาบิบดนั่นเอง) และรากฝอยเล็กๆใต้ดิน ในโลกมีพืชที่มีความฉุนแบบเผ็ดร้อนขึ้นจมูกที่คล้ายคลึงกันอยู่ 3 ชนิด คือ
  1. วาซาบิ
  2. มัสตาร์ด
  3. ฮอร์สแรดิช
จากพืชทั้ง 3 ชนิดนี้ วาซาบิเป้นพืชที่มีราคาแพงที่สุด เนื่องจากเพาะปลูกได้ยากที่สุด สามารถปลูกได้ทั้งบนพื้นดิน และพื้นน้ำ ผลผลิตที่ได้จากการปลูกบนพื้นน้ำจะมีคุณภาพสูงกว่าพืชที่โตในพื้นดิน แต่ราคาก็สูงกว่าด้วย เนื่องจากต้องใช้เทคนิคในการปลูกที่ยากกว่า

ประโยชน์ของวาซาบิ
มีการปลูกวาซาบิและนำมารับประทานในประเทศญี่ปุ่นมานานหลายศตวรรษ เพราะมีความเชื่อว่าการบริโภควาซาบิเป็นประจำ จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ และยังช่วยต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆมากมาย จาการศึกษาวิจัยทำให้ค้นพยว่าส่วนประกอบของวาซาบิ สามารช่วยในเรื่องต่างๆดังนี้
  • ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ
  • ช่วยลดการเจริญเติมโตของเซลล์มะเร็งในกระเพาะอาหาร
  • ช่วยระบบการหมุนเวียนของโลหิต
  • ช่วยกระตุ้นร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันในการกำจัดเซลล์ที่เริ่มผิดปกติ
  • ช่วยต่อต้านแบคทีเรีย และเชื้อรา
  • ช่วยป้องกันฟันผุ
จากข้อเท็จจริงที่ว่าวาซาบิมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งผลดีในระยะสั้นและระยะยาว จึงทำให้ตลาดของวาซาบิ รวมทั้งสินค้าที่ใช้วาซาบิเป็นส่วนประกอบ มีโอกาสในการขยายตัวทางการตลาดเพิ่มขึ้น


info credit: The wasabi story book of The V School
......................................................................................................................................................

What is Wasabi made of?
What is Wasabi made of - trivia question /questions answer / answers.
http://www.funtrivia.com/askft/Question58873.html

What is Wasabi? Selecting Wasabi Preparation Storage How
File Format: PDF/Adobe Acrobat - Quick View
cultivation of wasabi dates at least to the 10th century. ... wasabi is released when it is finely ground into a thick green paste.
http://agsyst.wsu.edu/wasabibroc.pdf

Wasabi - Wikipedia, the free encyclopedia
Wasabi (ワサビ(山葵), originally 和佐比; Wasabia japonica, Cochlearia wasabi, or Eutrema japonica) is a member of the Brassicaceae family, which includes
Uses - Chemistry - Cultivation - Preparation
http://en.wikipedia.org/wiki/Wasabi

Wasabi Sushi & Bento | Eat-in and takeaway restaurants across London
Wasabi Sushi & Bento is one of London's favourite chains of restaurants for eat-in and takeaway sushi and bento. Currently 20 locations across the capital
http://www.wasabi.uk.com/

Wasabi
10 Jun 2002 ... Wasabi is Japanese horseradish. It is most famous in form of a green paste used as condiment for sashimi (raw seafood) and sushi.
http://www.japan-guide.com/e/e2311.html

Hajime Robot Japanese Restaurant @Bangkok, Thailand

 


ดีไซน์ และ โฉมหน้าของหุ่นยนต์ ครับ







เต้นโชว์เพลง โนบอดี้ กับ ชินจัง เป็นระยะๆ


ทันสมัย ด้วยการออเดอร์ผ่านคอมพิวเตอร์ทุกโต๊ะ





มาดูอาหารกันครับ





หอยเชล ตัวเป้งๆ


กุ้งลายเสือ


หอยแมงภู่นิวซีแลนด์


คุณลภัสรดา ธนพันธ์ กรรมการบริหารและเจ้าของร้านอาหารฮาจิเมะ เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของร้านฮาจิเมะ มาจากที่ตนเองเป็นคนชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นเป็นพิเศษ เมื่อมีโอกาสจึงอยากสร้างร้านอาหารที่มีความพิเศษแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความสะอาดถูกสุขอนามัย ทั้งนี้ในปัจจุบันการทำอาหารหรือการเสิร์ฟอาหารอาจเกิดการปนเปื้อนระหว่างทางมายังลูกค้า การนำหุ่นยนต์มาให้บริการแทนคนตั้งแต่ในครัวจนถึงการเสิร์ฟอาหารจะสามารถรักษาความสดสะอาดของอาหาร และลดการปนเปื้อนได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสุขภาพของลูกค้าที่มาใช้บริการ
จุดเด่นของร้าน คือ หุ่นยนต์อัจฉริยะ ซึ่งผลิตในประเทศญี่ปุ่น และได้รับการพัฒนาระบบโดยคนไทย โดยมีความสามารถที่หลากหลาย อาทิ สามารถแสดงอารมณ์ได้ เต้นรำตามจังหวะเพลง เสิร์ฟอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถทราบว่าอาหารในจานลูกค้าหมดและเก็บจานอาหารโดยอัตโนมัติ ซึ่งภายในร้านจะใช้หุ่นยนต์ทั้งหมดจำนวน 4 ตัว แบ่งออกเป็นแบบ 1 แขน 2 ตัว ทำงานจัดเตรียมอาหารในครัว และแบบ 2 แขน 2 ตัว ทำหน้าที่รับถาดอาหารและวิ่งตามรางนำไปเสิร์ฟตามโต๊ะ โดยลูกค้าสามารถสั่งอาหารผ่านทางหน้าจอ touch screen     ที่โต๊ะอาหาร
นอกจากนี้ทางร้านยังพิถีพิถันในการออกแบบตกแต่งร้านให้มีบรรยากาศอบอุ่นด้วยกลิ่นอายแบบญี่ปุ่น ผสมผสานกับความทันสมัย เหมาะสำหรับครอบครัวยุคใหม่ โดยใช้งบลงทุนกว่า 30 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 450 ตารางเมตร บนชั้น 3 ของ “โมโนโพลี พาร์ค” คอมมูนิตี้มอลล์ แนวใหม่แห่งแรกในย่านพระราม3  “ฮาจิเมะ” มีเมนูให้เลือกกว่า 100 รายการ และยังมีเนื้อพิเศษคือ โกเบ ซึ่งจะส่งตรงมาจากญี่ปุ่นเพื่อความสดใหม่สำหรับลูกค้าที่หลงใหลในเนื้อวัวโดยเฉพาะ
 “ด้วยความพิเศษของหุ่นยนต์อัจฉริยะ อาหารที่สด สะอาด อร่อย พร้อมทั้งวัตถุดิบที่นำเข้ามาเป็นพิเศษ เรามั่นใจว่าจะสามารถดึงดูดลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียม รวมถึงผู้ที่สนใจเทคโนโลยีและต้องการพิสูจน์ความสามารถของหุ่นยนต์ได้เป็นอย่างดี โดยเราได้ตั้งเป้ารายได้ในปีแรกไว้กว่า 60 ล้านบาท และต่อไปก็จะมีการพัฒนาความสามารถด้านการบริการของหุ่นยนต์ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า” ลภัสรดา กล่าวทิ้งท้าย 





คงต้องหาโอกาสไปอิ่มอร่อยอีกละครับ
สอบถามรายละเอียด โทร.ไปได้เลยครับ