Friday, November 5, 2010

อบรมแต่งหน้า HER WORLD IDOL 2009 โดย เครื่องสำอาง BSC Cosmetology

อบรมแต่งหน้า HER WORLD IDOL 2009
เครื่องสำอาง BSC Cosmetology โดยบุษบง มิ่งขวัญยืนรองผู้อำนวยการฝ่ายเครื่องสำอางและน้ำหอม บมจ.ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนลได้รับเกียรติและความไว้วางใจจากกองประกวด HER WORLD IDOL 2009ให้เป็นผู้รังสรรค์ความงามของผู้เข้าประกวด HER WORLD IDOL 2009จัดอบรมแนะนำการแต่งหน้าให้กับผู้เข้าประกวดทั้ง 20 คนในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากมิสไทยแลนด์เวิลด์คนล่าสุด คุณกนกกร ใจชื่น(น้องส้ม) เป็นแบบการแต่งหน้า พร้อมมอบผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง BSCCosmetology เพื่อใช้ในการเก็บตัว ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

HER WORLD IDOL 2009 รอบตัดสิน‏ สนับสนุนโดย เครื่องสำอาง BSC Cosmetology

HER WORLD IDOL 2009 รอบตัดสิน
เครื่องสำอาง BSC Cosmetology โดยบุษบง มิ่งขวัญยืนรองผู้อำนวยการฝ่ายเครื่องสำอางและน้ำหอม บมจ. ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนลผู้สนับสนุนการแต่งหน้าผู้เข้าประกวด HER WORLD IDOL 2009 อย่างเป็นทางการร่วมแสดงความยินดีกับ HER WORLD IDOL 2009 คุณณัฏฐา ทับทิมเทศ (น้องอุ๋ม), รองอันดับ 1 คุณกรรณาภรณ์ พวงทอง (น้องน้ำหวาน) และ รองอันดับ 2คุณธมน เกศะรักษ์ (มุกมาย) พร้อมมอบเครื่องสำอาง BSC Cosmetologyใช้ตลอดปี

“เถ้าแก่น้อย” เปิดตัว “เคิร์ฟ (Curve)” สาหร่ายเพื่อสาวรักสุขภาพ


"เถ้าแก่น้อย" เปิดตัว "เคิร์ฟ (Curve)" สาหร่ายเพื่อสาวรักสุขภาพ
บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตสาหร่ายทอดสไตล์ญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ "เถ้าแก่น้อย" ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด "เคิร์ฟ (Curve)" สาหร่ายเพื่อสาวรักสุขภาพ "แคลอรี่น้อย...อร่อยได้เต็มที่" ผลิตจากสาหร่ายเกรดพรีเมี่ยมพันธุ์ AJINSUKE NORI ที่มีคุณภาพดีนำมาผ่านขบวนการผลิตที่พิเศษ ทำให้มีเนื้อสัมผัสบางและละลายในปาก ให้พลังงานต่ำกว่า 15 กิโลแคลอรี่ และมีใยอาหารที่ช่วยดูแลระบบขับถ่ายมากเป็นพิเศษ มีให้เลือก 2 ขนาด ประกอบด้วย ขนาด 4.5 กรัม จำหน่ายในราคา 15 บาท และขนาด 15 กรัม จำหน่ายในราคา 39 บาท สัมผัสความอร่อยใหม่ของ "เคิร์ฟ (Curve)" ได้แล้ววันนี้ที่ ร้านสะดวกซื้อ อาทิ 7-Eleven, Family Mart, Jiffy, โมเดิร์นเทรด Tesco Lotus, Carrefour ,Big C, Tops, The Malls, Watsons ทุกสาขา รวมถึงโรงภาพยนตร์ชั้นนำ Major, EGV และ SF Cinema

ใหม่ ! วอลล์ ซีเล็คชั่น ซอฟท์แอนด์สเวิร์ลลี่...เย็นนุ่มลิ้นพร้อมเสริฟถึงบ้าน


ใหม่ ! วอลล์ ซีเล็คชั่น ซอฟท์แอนด์สเวิร์ลลี่...เย็นนุ่มลิ้นพร้อมเสริฟถึงบ้าน
ร้อนนี้ไอศกรีมวอลล์ส่ง วอลล์ ซีเล็คชั่น ซอฟท์แอนด์สเวิร์ลลี่ ไอศกรีม เกลียวนุ่ม ให้คลายร้อนกันทั้งครอบครัว อร่อยใหม่กับเนื้อไอศกรีมนุ้ม...นุ่ม ด้วยสเวิร์ลเกลียวแสนอร่อยนุ่มลิ้นเหมือนทานที่ร้าน ชวนคุณมาอร่อยกับสองรสยอดฮิต คาราเมล เอ็น เค้ก (Caramel’n Cake) ไอศกรีมวานิลลาพร้อมสเวิร์ลเกลียวนุ่มลิ้น และชิ้นเนื้อบัตเตอร์เค้ก คำโต หอม หวานมันอร่อยในทุกๆ คำ เพิ่มความเข้มข้นด้วย ท๊อปปิ้งคาราเมล หวานหอม และ ดับเบิ้ลช็อก เอ็น ร็อค (Double Choc’n Rock) ไอศกรีมช็อกโกแลตเข้มข้นพร้อมสเวิร์ลเกลียวนุ่ม และชิ้นเนื้อคุ๊กกี้ช็อกโกแลต กรุบกรอบในทุกๆ คำ เพิ่มความเข้มข้นอย่างลงตัวด้วยท๊อปปิ้งช็อกโกแลต คลายร้อนด้วยความอร่อยนุ่มลิ้นใหม่ได้แล้ววันนี้ ในราคา 99 บาท

เปิดความหรูหราด้วยความหอมใหม่จาก ณอน จอห์น


เปิดความหรูหราด้วยความหอมใหม่จาก ณอน จอห์น
9-4-51 ณ ห้างสรรพสินค้าพารากอน ณอน จอห์น ได้จัดงานแนะนำน้ำหอมสำหรับผู้หญิงใหม่ภายใต้ชื่อ "อันฟอร์กิ๊ฟเวเบิ้ล วูแมน" พร้อมด้วยโชว์สุดเซ็กซี่จากนางแบบชั้นนำ โย-ยศวดี ภายใต้คอนเซ็ปต์ "เดอะ ซีเคร์ท แพชั่น" เริ่มต้นด้วยวีเจ เติ้ง-ภราดร ศิรโกวิท และต่อด้วยการกล่าวถึงที่มาของน้ำหอมใหม่ "อันฟอร์กิ๊ฟเวเบิ้ล วูแมน" จาก คุณอัมพรพิมพ์ วัชราภัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอลก้า(ประเทศไทย) จำกัด ภายในงานเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ ดารา นายแบบ และนางแบบที่มีชื่อเสียงมากมาย หลังจากนั้นแสงสีบนเวทีก็เริ่มขึ้น ด้วยการโชว์การเต้นสุดเซ็กซี่จาก อิ๊ป-ยุพาพักตร์ วัชราภัย และกลุ่มนักเต้นจาก ดี แดนซ์ซึ่งมาในเพลง "เวตติ้ง ฟอร์ ทูไนท์" สุดท้ายเป็นไฮไลท์ของงานจาก โย-ยศวดี หัสดีวิจิตร ที่โชว์ในชุดสีดำเซ็กซี่แต่แฝงด้วยความหรูหรา มาพร้อมกับนางเอกตัวจริงของงานคือ น้ำหอม "อันฟอร์กิ๊ฟเวเบิ้ล วูแมน" จากนั้นนายแบบและนางแบบทั้งหมดโชว์อีกครั้ง พร้อมๆ กับฉีดน้ำหอมในงาน ทำให้บริเวณงาน หอมกรุ่น และได้สัมผัสความเย้ายวนจากน้ำหอมใหม่นี้
ความหอมของน้ำหอมใหม่นี้อยู่ในประเภทความเย้ายวนชวนสัมผัสเหมือนครีม และกลิ่นดอกไม้ที่อบอุ่น เหมือนร่างกายของผู้หญิง มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดความรู้สึกเร้าใจของกลิ่นหอมที่เหมือนครีม เป็นกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ให้ความอบอุ่นและหอมหวานของ พิชญ่า โคลาดา
"อันฟอร์กิ๊ฟเวเบิ้ล วูแมน" พร้อมให้คุณได้สัมผัสแล้ววันนี้ ด้วยน้ำหอมในรูปแบบเอ็ด เดอะ ทอยเร็ต ขนาด 75 มิลลิลิตร ราคา 2,600 บาท และขนาด 125 มิลลิตร ราคา 3,600 บาท ณ เคาน์เตอร์น้ำหอม ณอน จอห์น ห้างสรรพสินค้าพารากอน เซ็นทรัลสาขา ชิดลม ลาดพร้าว ปิ่นเกล้า บางนา เซน เดอะมอลล์ บางกะปิ เอ็มโพเรี่ยม และโรบินสัน เชียงใหม่

แมงป่อง เปิดตัว Edutainment Hub อย่างยิ่งใหญ่ ให้โลกแห่งการเรียนรู้

แมงป่อง เปิดตัว Edutainment Hub อย่างยิ่งใหญ่ ให้โลกแห่งการเรียนรู้
นางนลินรัตน์ นันท์นนท์ CEO บริษัท ป่องทรัพย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ร้านจำหน่ายสินค้าบันเทิง "แมงป่อง" ได้ปรับคอนเซ็ปต์การทำตลาดใหม่สู่ "Edutainment Hub" โลกแห่งการเรียนรู้ ความสนุกสนาน และความบันเทิง โดยได้ทุ่มงบประมาณ 100 ล้านบาท ในการซื้อลิขสิทธิ์ในรูปแบบ ดีวีดี และวีซีดี สารคดี 9 แบรนด์ ดัง จากต่างประเทศ อาทิ BBC ,National Geographic ,Discovery ,Animal Planet เป็นต้น จากบริษัท เอสที แกรนด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ได้รับลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ มาจำหน่ายในร้านแมงป่อง สัญญา 5 ปี โดยมีสุดยอดคอนเทนท์คุณภาพมากกว่า 1,500 ชั่วโมง มาให้สังคมไทยได้ร่วมเปิดประสบการณ์ความตื่นตาตื่นใจ และได้รับความสนุกสนานจากการเรียนรู้สัดส่วนการจำหน่ายสินค้าในแมงป่อง ประกอบไปด้วย ภาพยนตร์ 30% เพลง 30% เอ็ดดูเทนเม้นท์ 30% และ อื่นๆ 10% แต่ภายในปี 2552 จะทยอยเพิ่มสินค้ากลุ่มเอ็ดดูเทนเม้นท์ ให้ได้ 50% เพื่อทำให้แมงป่อง ก้าวสู่ เอ็ดดูเทนเม้นท์ ฮับ อย่างสมบูรณ์แบบ ปีที่ผ่านมาสินค้าลิขสิทธิ์กลุ่มบันเทิง ทั้งหนังและเพลง ได้รับผลกระทบจากปัญหาลินคาละเมิดลิขสิทธิ์อย่างมาก และส่งผลให้ผลประกอบการปี 2550 ของแมงป่องต่ำกว่าเป้า 20% ขณะนี้ได้เริ่มทยอยปรับโฉมร้านจำหน่ายภายใต้แนวคิด เอ็ดดูเทนเม้นท์ ฮับ แล้ว 10 สาขา จากทั้งหมด 80 สาขา คาดว่าน่าจะเสร็จประมาณ สิ้นปีนี้ สาระประโยขน์ผ่านการนำเสนอในรูปแบบของความบันเทิง ใช้เทคนิคการถ่ายทำที่ทันสมัยที่สุดแห่งยุค ด้วยกล้อง ที่ให้ความคมชัดสูงสุด เพื่อความอลังการสมจริงวันเปิดงานได้รับเกียรติจาก คุณจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี คุณวิกรม กรมดิษฐ์ คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย คุณตันโออิชิ และคุณมิ้นท์ อรรถวดี จิรมณีกุล มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์ เชิญชวนคนไทยหันมาเห็นคุณค่าของการเรียนรู้ ที่นิทรรศการ Infinicity Hall (Paragon Cineples) ในวันที่ 18-19 เมษายน 2551

ผู้ว่า CEO


ผู้ว่า CEO
โดย บุญช่วย ศรีสารคาม

ผู้ว่า CEO เป็นชื่อใหม่ และรู้สึกว่าจะเข้าใจสับสนกันอยู่ ผู้เขียนจึงขอใช้ประสบการณ์ ความรู้ และสติปัญญา แสดงความเห็นเกี่ยวกับผู้ว่า CEO เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
ผู้ว่า CEO คืออะไร ?
ตามรูปศัพท์ในภาษาอังกฤษ และตามที่ใช้กันอยู่ในวงการบริหารธุรกิจ CEO คือ CHIEF EXECUTIVE OFFICER ในวงการบริหารราชการหรือบริหารแผ่นดิน คำว่า CEO มีการนำเข้ามาใช้น้อย แต่ก็มีอยู่บ้างเช่น ต่งเจี้ยนหัว ผู้บริหารเกาะฮ่องกงในปัจจุบัน ก็เรียกว่า CHIEF EXECUTIVE
ของเกาะฮ่องกงนั้น มีการจัดงานกันอย่างใหญ่โต เจ้าฟ้าชายชาร์ลล์ มงกุฎราชกุมารประเทศอังกฤษก็เสด็จร่วมพิธีด้วย
ในประเทศไทยเรา ท่านนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ให้นำเอาความคิดการบริหารแบบ CEO เข้ามาสวมใส่ผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัด เป็นการทดลอง ได้แก่ จังหวัดลำปาง จังหวัดศรีษะเกษ จังหวัดชัยนาท จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดนราธิวาส ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 นี้ จึงได้ชื่อว่า CEO
ผู้ว่า CEO
ผู้ว่า CEO เป็นรูปแบบ ( FORM) เป็น Style เป็นบทบาท (ROLE) เป็นสถานะภาพ (STATUS) เป็นศูนย์กลางการบริหารงานทั้งหลายทั้งปวงในจังหวัดรวมทั้งเป็นความหวัง (ASPIRATION) ของประชาชน
จะเป็นผู้ว่า CEO ได้ต้องมีปัจจัยส่งเสริมทั้งภายนอกและภายใน ปัจจัยส่งเสริมจากภายนอก คือการให้อำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบ ตามตัวบทกฏหมาย ตามนโยบายที่ชัดเจน ตามกฏ ระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นการ EMPOWER ให้แก่ผู้ว่า CEO ถ้ากฏหมายหรือ กฏระเบียบคำสั่งข้อบังคับใด ที่เป็นอุปสรรคหรือไม่เอื้ออำนวยต่อการสวม อำนาจให้แก่ผู้ว่า CEO แล้วก็ต้องแก้ไขสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น รวมทั้งต้องประกาศนโยบายของรัฐบาลให้ชัดเจน
ปัจจัยส่งเสริมภายใน เป็นพลังภายในในตัวของผู้ว่า CEO เอง พลังภายในนี้ได้แก่
ความรู้และปัญญา (KNOWLEDGE AND WISDOM ) ความรู้และปัญญามันไม่ได้กอดกันอยู่มันอิง อาศัยกันเกิดก็จริง แต่มันไม่ได้เกิดพร้อมกันที่เดียว ผู้มีความรู้แล้วจะถือว่ามีปัญญาด้วยนั้นไม่ถูกต้อง โบราณจึงกล่าวความจริงว่าความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เพราะมีแต่ความรู้แต่ขาดปัญญา โดยทั่วไปทางราชการมักมองแต่ความรู้ไม่มองปัญญาด้วย ซึ่งถือว่าไม่สมบูรณ์ ผมจึงเอาปัญญามาเขียนรวมไว้กับความรู้ ความรู้เกิดจากการศึกษา การเรียนรู้จากตำรา (TEXT BOOK) จากครูบาอาจารย์ (TEACHER) จากการสังเกตทดลอง (TEST) และจากประสบการณ์ แต่ปัญญาเกิดจากการคิด และการอบรมสติปัญญา ผู้ว่า CEO จึงต้องมีทั้งความรู้และปัญญา
ความสามารถ (COMPETENCY) ในวงการบริหารธุรกิจเขาดูกันที่ความสามารถมาก ใครมีความสามารถมากเขาก็ถือว่าเป็นมืออาชีพ จะมีความสามารถได้ต้องทำงานหนัก (WORK HARD) มีการทุ่มเท มุ่งมั่น และจริงจัง ลักษณะเช่นนี้ไม่ค่อยจะพบเห็นในวงราชการบ่อยนัก
ท่านนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เป็นแบบอย่างของการบริหารงานแบบ CEO ให้เป็นอย่างดีเพราะท่านทำงานหนัก ท่านขยัน ท่านทุ่มเท และมั่งมั่น และยังกล้าตัดสินใจ กล้ารับผิดชอบ
คุณธรรม (MORALITY) เป็นสิ่งที่จะขาดไม่ได้ มีทั้งเป็นหลักธรรมกว้าง ๆ มีทั้งเป็นหัวข้อธรรม ข้อปฏิบัติ มีทั้งเป็นจริยธรรม สุดแท้แต่จะเลือกนำมาปฏิบัติ แต่พุทธธรรมที่ใช้กันมาตั้งแต่ โบราณกาล และปัจจุบันก็ยังใช้อยู่ ได้แก่ ทศพิธราชธรรม และสังคหวัตถุ 4
ความเป็นผู้นำ (LEADERSHIP) ต้องกล้านำและนำถูกทาง ต้องมีความเป็นผู้ใหญ่ อย่าคิดอย่างเด็ก อย่าทำอย่างเด็ก อย่าใจน้อยอย่างเด็ก อย่าบริหารงานอย่างที่องค์กรอิสระแห่งหนึ่ง ออกมาพูดต่อสาธารณะชนว่า ทำงานแบบผู้จัดการ สันดานเสมียน จนเป็นที่ฮือฮากัน
เมื่อผู้ว่า CEO ได้รับการสวมอำนาจและมีกำลังภายในอยู่พร้อมดังกล่าวนี้แล้ว ก็ให้นั่งภาวนา สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ปล่อยลมหายใจออกยาว ๆ ทำอยู่ประมาณสัก 5 นาที โดยเพ่งพิจารณาไปด้วย (CONTEMPLATING) จนให้เห็นรู้สัจธรรมของความเป็นผู้ว่า CEO และให้เห็นรู้ถึงกิจธรรม คือจะทำอะไร กับภาระการเป็นผู้ว่า CEO
การที่เขียนให้รู้ถึง สัจธรรม และกิจธรรมของสิ่งต่าง ๆ นั้น เป็นการรู้อย่างพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เขียนขึ้นมาเพื่ออารมณ์ขัน ของพระพุทธเจ้าจริง ๆ ต้องรู้ครบ 3 รอบ หรือครบวงจร นั้นก็คือ ต้องรู้ถึงกตธรรมด้วย คือส่งที่เรารู้มานั้นได้ทำเสร็จหรือยัง
เมื่อท่านเพ่งพิจารณาเห็นว่าเรามีความพร้อม การเป็นผู้ว่า CEO แล้ว ก็ไม่ต้องเปล่งวาจาอะไรออกมา เดี๋ยวลูกเมีย และลูกน้องจะแปลกใจคงทำเป็นปกติทุกอย่าง และตั้งหน้าทำงานให้ก้าวไปข้างหน้า
เมื่อมีความเป็นผู้ว่า CEO เต็มตัวแล้วจะทำอะไรต่อไป ?
เรื่องนี้มีความสำคัญมาก ซึ่งผมคิดว่าคงไม่มีใครคิด ได้มาก่อนเรื่องที่จะทำต่อไปก็คือให้นำไปสร้าง “ศํกยภาพ C-E-O”
ศํกยภาพ C-E-O คืออะไร ?
ศักยภาพ C คือ CO-OPERATION ผู้ว่า CEO จะต้องสร้าง CO-OPERATION คือความร่วมมือภายในหน่วยงาน ภายในองค์กร ภายในจังหวัดให้ได้ การสร้าง TEAM WORK เป็นทางหนึ่งที่ จะสร้าง CO-OPERATION ท่านอย่าไปคิดถึง CO-ORDINATION เพราะ CO-ORDINATION มีดีกรีต่ำกว่ามาก มีการประสานงานกันอย่างหลวม ๆ ไม่เกิดพลัง บางทีช่วยได้เพียงทำให้การประสานงานไม่เป็นการประสานงาเท่านั้น ถ้าท่านสร้าง CO-OPERATION ได้ ก็มีลู่ทางที่จะก้าวไปสู่ พลังแผ่นดิน ตามที่ท่านนายกทักษิณเอ่ยถึงอยู่บ่อย ๆ และก็จะนำไปสู่การทูลเกล้า ถวายพระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือ ภูมิพลังแผ่นดิน
ศักยภาพ E คือ EFFICIENCY หรือประสิทธิภาพการทำงาน อันนี้เป็นหัวใจ เป็นจุดสำคัญของการบริหารงาน ไม่ว่าองค์กรเล็ก องค์กรใหญ่ ถ้าเป็นประสิทธิภาพการบริหารงานบริษัท หรือธุรกิจ เขามักจะเน้นไม่ที่ 3 P คือ PRODUCTIVITY ได้แก่การเพิ่มผลผลิตและการลดต้นทุน,PROFIT ได้แก่การทำกำไร ยิ่งทำได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี,PROSPERITY ได้แก่ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย แต่ผู้ว่า CEO อยู่ในวงการการบริหารสาธารณะ (PUBLIC ADMINISTRATION) ฉะนั้นการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจะต้องมุ่งไปที่ความสุขของประชาชนด้วย นั้นก็คือ นอกจาก 3 P ดังกล่าวข้างต้น จะต้องเติม PH เข้าไปด้วย นั้นก็คือ PEOPLE’S HAPPINESS
ศํกยภาพ O ได้แก่ ORDERLY ผู้ว่า CEO ต้องสามารถออกคำสั่ง (ORDER) แก่ข้าราชการและหน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ ในบังคับบัญชา และในการดูแลได้ คือสั่งอะไรไปเขาต้องเชื่อฟัง และ
ปฏิบัติตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดในสมัยเก่ามีความเจ็บปวด กับการออกคำสั่งนี้มาก จนถึงกับพูดกันว่า สั่งไปก็เหมือนสั่งขี้มูก ถ้าผู้ว่า CEO แก้ไขตรงนี้ไม่ได้ ก็จะไม่แตกต่างอะไรกับผู้ว่าธรรมดา
ส่วน ORDERAL คือการจัดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ผู้ว่า CEO ต้องสามารถสั่งให้จัดความเป็นระเบียบเรียบร้อยขององค์กร ของหน่วยงาน ให้พ้นจากความสกปรก ความอึมครึม ความมืดมิด ความไม่โปร่งใส รวมทั้งการทำงานแบบเลอะเทอะ แบบไม่เอาไหน รวมทั้งการทุจริต คอรัปชั่น
ส่วนการจัดระเบียบสังคม และการจัดระเบียบชุมชนที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สนใจและมุ่งมั่นอยู่ในขณะนี้ก็สามารถเอาศักยภาพ C-E-O นี้เข้าไปจัดการได้
คำถามต่อไปก็คือ เมื่อผู้ว่า CEO สามารถสร้างศักยภาพ C-E-O ได้แล้ว, จะเอาไปใช้ทำอะไร?
จากการติดตามข่าวการทำงานของผู้ว่า CEO และการให้สัมภาษณ์ทางสื่อมวลชน เห็นว่าผู้ว่า CEO ยังงง ๆ อยู่ และยังไม่มีแนวความคิดที่จะใช้ศักยภาพให้สมบูรณ์ ส่วนใหญ่จะเน้นไปในทางการใช้แก้ปัญหา ผมมีความเห็นว่าควรจะใช้ศักยภาพ C-E-O ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงคิดเห็นว่าศักยภาพ C-E-O น่าจะใช้ได้ 3 ช่องทาง
ช่องทางที่ 1 (ใช้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ) การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในทุกวันนี้ยังล่าช้า ยังไม่จบสิ้น ยังอ่อนปวกเปียก ยังไม่ตรงจุด ยังไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม เมื่อผู้ว่า CEO มีศักยภาพ C-E-O แล้วน่า จะสามารถแก้ไขปัญหาได้เด็ดขาด –รวดเร็ว เสร็จ ถูกต้อง และเป็นธรรม
ปัญหาที่รอการแก้ไขอยู่ในขณะนี้มีมากมาย ทั้งปัญหาของประชาชน ปัญหาการไม่ได้รับความเป็นธรรม ปัญหาการขาดแคลน ปัญหาความยากจน ปัญหายาเสพติด ปัญหาเรื่องที่ดินและที่ทำกิน ปัญหาป่าไม้ ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ฯลฯ
ช่องทางที่ 2 นำไปปรับปรุงงานการให้บริการประชาชน แทบทุกหน่วยงานมีงานบริการ ประชาชนทั้งนั้น แต่การบริการประชาชนก็ยังไม่รวดเร็ว มีการกลั่นแกล้ง ยึกยัก เพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ มีการบิดเบี้ยว ไม่ให้ความเป็นธรรม เจ้าหน้าที่พูดจาและมีกริยาท่าทางไม่เรียบร้อย ดูหมิ่นดูแคลน ประชาชน มีการเลือกปฏิบัติ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มีมายาวนาน และสร้างความเจ็บปวด ให้แก่ประชาชน คนยากคนจนมาก เมื่อผู้ว่ามีศักยภาพ C-E-O อยู่ในกำมือก็น่าจะแก้ไข ปัญหาเหล่านี้ได้
ช่องทางที่ 3 นำไปเพิ่มพูนประสิทธิภาพการบริหารงาน ผู้ว่าราชการจังหวัดบางคนบ่นว่า โอนงานพัฒนาและงานบริหารไปให้องค์กรส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานอื่นแล้ว จึงไม่ค่อยจะมีงานทำ การคิดเช่นนี้ผมถือว่าคิดผิด จริง ๆ แล้วงานบริหารที่ผู้ว่าจะต้องดูแลยังมีอยู่มากมาย เช่น การบริหาร การจัดการ การบริหารเวลา การบริหารองค์กร ฯลฯ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารการพัฒนานั้นไม่ใช่การก่อสร้างถนน สะพาน แหล่งน้ำ หรือ งานโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เท่านั้น แต่การพัฒนาจะต้องมุ่งไปสู่จุดหมายปลายทางที่สำคัญ 5 ประการคือ
    1. BASIC NEEDS ได้แก่ ความจำเป็นพื้นฐาน ซึ่งมีทั้งสิ่งที่เป็นวัตถุและไม่ใช่วัตถุ มีทั้ง สิ่งที่ต้องใช้เงินจัดทำและไม่ต้องใช้เงินจัดทำ
    2. SOCIAL JUSTICE ได้แก่ ความเป็นธรรมในสังคม การไม่เอารัดเอาเปรียบกัน เรื่องนี้ มีทั้งสิ่งที่จับต้องได้ และจับต้องไม่ได้ มีทั้งสิ่งที่ต้องใช้เงิน และไม่ใช้เงิน มีทั้งที่สามารถลงมือทำได้เดี๋ยวนี้ และต้องใช้เวลา
    3. SELF-RELIANCE คือการพึ่งพาตนเอง โครงการที่มีลักษณะพึ่งพาตนเองมีมากมาย โดยเฉพาะโครงการพระราชดำริ เศรษฐกิจเพียงพอ
    4. PEOPLE’S PARTICIPATION คือการให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมในการเลือกโครงการ,การตัดสินใจในโครงการ การร่วมทำงานในโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการในทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคม เรื่องนี้ประชาชนร่ำร้องมาก และเสียงร่ำร้องจะดังขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมในทางการเมือง เพราะประชาชนเห็นว่า INDIRECT หรือ REPRESEN ATIVE DEMOCRACY อย่างที่เราใช้ ๆ กันอยู่ทุกวันนี้มีข้อบกพร่อง มีจุดอ่อนหลายประการ ฉะนั้นประชาชนจึงหันไปหา ประชาธิปไตยแบบ DIRECT หรือ PEOPLE DEMOCRACY มากขึ้น ต่อไปเสียง NGO จะดังและสั่นสะเทือนมากยิ่งขึ้น ผู้ว่า CEO จึงต้องดูการพัฒนาในเรื่อง PEOPLE PARTICIPATION นี้เป็นเรื่องสำคัญ
    5. QUALITY OF LIFE คือคุณภาพชีวิตเป็นเรื่องสุขภาพ อนามัย การศึกษา สวัสดิการสังคม ความพออยู่ พอกิน ซึ่งงานเหล่านี้จะไปมอบให้องค์กรส่วนท้องถิ่นเสียทั้งหมดก็คงไม่ได้ ผู้ว่า CEO ยังต้องเข้าไปรับรู้และไปดูแลด้วย
การนำศักยภาพ C-E-O ไปใช้ควรมีขั้นตอนอย่างไร ?
เนื่องจากภาระกิจของผู้ CEO เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างมาก และมีขอบข่ายกว้างขวาง จึงต้องใช้เวลา และทำงานเป็นขั้นตอน ผมขอเสนอความเห็นขั้นตอนการทำงานดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 ขั้นเตรียมการ ได้แก่ การสวมอำนาจให้ผู้ว่า การแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ คำสั่ง และข้อบังคับต่าง ๆ รวมทั้งการถ่ายโอนอำนาจ การถ่ายโอนงบประมาณการเงิน และทำความเข้าใจ กับข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ขององค์กร หน่วยงานต่าง ๆ ขั้นตอนนี้มีความสำคัญมาก ถ้าทำความเข้าใจไม่ถึงแก่น จะสร้าง CO-OPERATION,EFFICIENCY และ ORDER ไม่ได้
ขั้นตอนที่ 2 คือการทำงานเชิงรุก นำเอาศักยภาพ C-E-O ไปใช้อย่างเต็มที่และทุกช่องทาง
ขั้นตอนที่ 3 ได้แก่การประเมินผล ซึ่งแน่นอนคงจะมีการประเมินตามวิธีทางวิทยาศาสตร์ (SCIENTIFIC METHOD)
ขั้นตอนที่ 4 ได้แก่ การทบทวนการทดลองเพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง และการสรุปผลรายงานต่อสาธารณะ
ส่วนแต่ละขั้นตอนจะมีกรอบเวลาอย่างไร ผมคงไม่สามารถคิดแทนได้
บทสุดท้าย
ผู้ว่า CEO เป็นนักปกครองอยู่หรือเปล่า ?
ผมขอฟันธงตามความเห็นของผมว่ายังเป็นอยู่ เพราะผู้ว่าราชการจังหวัดโดยเหตุผล ทาง ประวัติศาสตร์ก็ดี โดยความเป็นจริงที่เป็นจริงอยู่ในปัจจุบันนี้ก็ดี ผู้ว่าราชการจังหวัดคือ ผู้ปกครอง บ้านเมือง ในขณะที่รัฐบาลคือผู้ปกครองประเทศชาติ ผู้ปกครองบ้านเมืองจะต้องมีคุณลักษณะ และคุณธรรมหลายอย่างเช่น “PLATO” กล่าวว่าผู้ปกครองบ้านเมืองที่ดีจะต้องเป็นนักปราชญ์ “ขงจื้อ” ให้คำสอนไว้ว่าผู้ปกครองบ้านเมืองจะต้องมีคุณธรรมที่สำคัญ 2 ประการคือ
    • RIGHTEOUSNESS คือความเป็นธรรม ความชอบธรรม
    • BENEVOLENCE คือเมตตาธรรม
ในประวัติศาสตร์การปกครองของประเทศไทย ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้ปกครองประเทศได้ปกครองประเทศและอาณาประชาราษฎร์ ด้วยพระเมตตาธรรม ทรงมีความรักประชาชนเสมือนบิดากับบุตร ดังจะเห็นได้จาก พระราชจริยวัตร์ พระราชกรณียกิจ ของพระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ดังเช่น พระเจ้ารามคำแหงมหาราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แม้แต่ในปัจจุบันซึ่งการปกครองประเทศชาติเป็นแบบระบอบประชาธิปไตย แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราองค์ปัจจุบันก็ยังทรงเป็นเจ้าพ่อหลวงของปวงประชาชาวไทย ดังเป็นที่ประจักษ์แนบแน่นอยู่ในดวงใจของคนไทยทั้งชาติ
ผมอยากจะยกตัวอย่างของพระมหากษัตริย์ไทย ที่ทรงรักและห่วงใยประชาชนเหมือนลูกซึ่งตัวอย่างนี้เข้าใจว่าน้อยคนจะได้พบอ่าน นั้นก็คือประกาศรัชกาลที่ 4 ฉบับที่ 203 พ.ศ.2504 เรื่อง ดาวหางปีระกาตรีศก (ณ วันจันทร์ เดือน 8 ขึ้น 1 ค่ำ ปีระกาตรีศก) ประกาศแก่ราษฎร์ผู้ใหญ่ผู้น้อยและประชาราษฎร์ไทยทราบโดยทั่วกัน ความบางตอนมีดังนี้
“ถ้ากลัวว่าฝนจะแล้งในฤดูฝน ก็ให้เตรียมตัวต่อสู้เหตุ อย่างนี้คือว่า กลัวฝนแล้งเมื่อฝนยังมี อยู่ให้รีบทำนาเสีย ทำข้าวไร่ ข้าวหางม้า ข้าวสามเดือน ทันสารท ไปตามได้ตามมี ที่ไม่ได้ทำนา พี่น้องบุตรภรรยา บ่าวไพร่มาก ก็ให้จัดซื้อข้าวเก็บเตรียมไว้ให้พอกัน อย่าตื่นขายเสียนัก”
“ถ้ากลัวความไข้ว่า เกลือกฝีดาษจะรุมตัวใครแลบุตรหลานใครยังไม่ได้ออก ฝีดาษ ก็ให้รีบพามา ปลูกฝีดาษที่โรงงาน นอกก็ดี โรงหมอท่าพระก็ดี ศาลาวัดสุทัศน์เทพวรารามก็ดี เสียโดยเร็ว อย่าให้ทันฝีดาษมีมา”
“ถ้ากลัวว่าไข้ลงรากจะมีมากก็ให้ขัดตัวปฏิบัติเสียให้สะอาด อย่าให้สกปรกโสมมความเคยตัวนัก”
“ขอให้ข้าราชการและราษฎร์ทั้งปวงรักษากาย รักษาใจ รักษาเหย้า รักษาเรือนและทรัพย์สมบัติอยู่โดยปกติ อย่าเชื่อมดต่อหมอดูคนทรงผีว่าอย่างนี้อย่างนั้น”
อ่านข้อความบางตอน ในประกาศของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แล้วจะทราบซึ้งใจในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีความรักและห่วงใยปวงอาณาราษฎร์ ดุจบิดากับบุตรพระมหากษัตริย์ไทยทรงรักประชาชนอย่างแท้จริง
ผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์และด้วยสภาพ ความเป็นจริงที่แท้จริงในปัจจุบัน เป็นผู้ปกครองบ้านเมืองเป็นผู้ดูแลทุกข์สุขของประชาชน จะต้องมีจิตวิญญาณของ นักปกครองอยู่เสมอ นั่นก็คือ รักประชาชนและมีความจริงใจต่อประชาชน จะเป็นเพียงผู้ว่า CEO เท่านั้นคงไม่เพียงพอ
ข้อเขียนข้างบนนี้ผมคิดและเขียนจาก
    • ความจริงในประวัติศาสตร์ (HISTORY)
    • จากปรัชญาการปกครอง (PHILOSOPHY)
    • จากความรู้ทางวิชาการการบริหารการจัดการ (MAMAGEMENT SCIENCE)
    • จากประสบการณ์ทำงาน (ผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัดเป็นเวลายาวนานต่อเนื่องกันถึง 16 ปี )
    • และจากพุทธปัญญา (BUDHIST WISDOM)
จึงหวังว่าน่าจะมีคุณค่าและสาระไม่มากก็น้อย

Wednesday, November 3, 2010

The StUpId BoSsEs !! Y !!


Do you have stupid bosses ??
If yes, sharing information from now on !!
For make our life happy more than present !!!
Go on !!!

Tuesday, November 2, 2010

40 อันดับเศรษฐีไทย เฉลียว รวยสุด – ทักษิณ ติดอันดับ16



นิตยสาร "ฟอร์บส์" ของสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่การจัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 40 อันดับ โดยอาศัยข้อมูลจากตลาดหลักทัพย์และกระทรวงพาณิชย์ และการประเมินมูลค่าของทรัพย์สินว่า จะมีมูลค่าเท่าใด หากนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในกรณีบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทเอกชนที่ยังไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ใช้ราคาหลักทรัพย์และอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2551 เป็นข้อมูลประเมินทรัพย์สินครั้งนี้

ฟอร์บส์ ระบุภาพรวมว่า มูลค่าของทรัพย์สินของบุคคลที่ร่ำรวยมากที่สุดของไทย 40 อันดับเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 6,000 ล้านดอลลาร์เป็นรวมทั้งสิ้น 25,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 825,000 ล้านบาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 33 บาทต่อดอลลาร์) และตั้งข้อสังเกตุด้วยว่า กลุ่มมหาเศรษฐีทั้ง 40 คน ยังคงเป็นกลุ่มเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สาเหตุอาจเป็นเพราะความมั่งคั่งที่ดำเนินมายาวนานหลายทศวรรษ นอกจากนั้น ใน 10 อันดับแรกสุด ประกอบไปด้วยนักธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และธุรกิจด้านสื่อมากถึง 6 คน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังอยู่ในอันดับ 16 ทรัพย์สินรวม 400 ล้านดอลลาร์


โดย ฟอร์บส์ ระบุว่า 40 อันดับเศรษฐีไทย มีดังนี้



อันดับ 1) นายเฉลียว อยู่วิทยา อายุ 76 ปี กลับมาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของไทยอีกครั้งหนึ่งหลังจากยอดจำหน่ายกระทิงแดง เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่นายเฉลียว ร่วมกับนายดีทริช มาเตสชิทซ์ นักธุรกิจออสเตรียเริ่มผลิตขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น ยอดขายเพิ่มจากปี 2547-2550 ถึงเกือบเท่าตัวเป็น 4,200 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 136,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 500 ล้านดอลลาร์

อันดับ 2) นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ผู้ก่อตั้งบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ เจ้าของธุรกิจวิสกี้และเบียร์ (เหล้าแม่โขง , เบียร์ช้าง ฯลฯ ) ที่เพิ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เมื่อปี 2549 ทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมพลาซ่า แอทธินี่ และไอเอ็มเอ็ม อีกด้วย มูลค่าทรัพย์สินรวม 3,900 ล้านดอลลาร์

อันดับ 3) ตระกูล "จิราธิวัฒน์" มีกิจการหลายอย่างตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีก (ห้างเซ็นทรัล),อสังหาริมทรัพย์ ,โรงแรม เป็นต้น มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 2,800 ล้านดอลลาร์

อันดับ 4) นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กิจการเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี.) อายุ 69 ปี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ์ 2,000 ล้านดอลลาร์

อันดับ 5) นายกฤตย์ รัตนรักษ์ ประธานและซีอีโอของบริษัท บางกอก บรอดคาสติ้ง แอนด์ ทีวี (บีบีทีวี) และครอบครัว ทรัพย์สินรวมถึงหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา และปูนซิเมนต์นครหลวง มูลค่าทรัพย์สินรวม 1,000 ล้านดอลลาร์

อันดับ 6) คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล และครอบครัว เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ มูลค่าทรัพย์สินรวม 940 ล้านดอลลาร์

อับดับ 7) นายวิชัย มาลีนนท์ และครอบครัว เจ้าของกิจการ บีอีซีเวิร์ลด์ และไทยทีวีสีช่อง 3 มูลค่าทรัพย์สินรวม 880 ล้านดอลลาร์

อันดับ 8) นายจำนงค์ ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัทบุญรอด บริวเวอรี่ (เบียร์สิงห์) และครอบครัว มูลค่าทรัพย์สินรวม 820 ล้านดอลลาร์

อันดับ 9) ดร.สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเครือบริษัท ไทยซัมมิต ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ถือหุ้นส่วนหนึ่งอยู่ในเนชั่น มัลติมีเดียมูลค่าทรัพย์สินรวม 580 ล้านดอลลาร์

อันดับ 10) นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ก่อตั้งบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮาส์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 525 ล้านดอลลาร์

อันดับ 11) นายสรรเสริญ จุรางกูล ผู้ก่อตั้งบริษัท สามมิตมอเตอร์ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 520 ล้านดอลลาร์

อันดับ 12) นายประยุทธ มหากิจศิริ และครอบครัว เจ้าของกิจการเหล็กกล้า ไทยน็อกซ์ สแตนเลส มูลค่าทรัพย์สินรวม 515 ล้านดอลลาร์

อันดับ 13) นายบุญชัย เบญจรงคกุล และครอบครัว ผู้ก่อตั้งบริษัทโทรคมนาคม ดีแทค มูลค่าทรัพย์สินรวม 475 ล้านดอลลาร์

อันดับ 14) นายอิสระ วงกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทมิตรผลและครอบครัว มูลค่าทรัพย์สินรวม 470 ล้านดอลลาร์

อันดับ 15) วิลเลียมอี. ไฮเนคกี้ และครอบครัว เจ้าของกิจการ ไมเนอร์ คอร์ป., ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทำธุรกิจ อาทิ เอสปรี และธุรกิจภัตตาคาร,สปา,โรงแรม มากกว่า 800 แห่งในหลายประเทศ



อันดับ 16) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทรัพย์สินรวม 400 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย แม้ว่าจะถูกอายัดทรัพย์ และหมดยุคเรืองอำนาจ เพราะถูกกระทำรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 แต่ตัวเลขทางการเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 3,300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน

อันดับ 17) นายวาณิช ไชยวรรณ และครอบครัว เจ้าของกิจการไทยประกันชีวิต มูลค่าทรัพย์สินรวม 390 ล้านดอลลาร์

อันดับ 18) นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของกิจการพฤกษาเรียลเอสเตท มูลค่าทรัพย์สินรวม 380 ล้านดอลลาร์



อันดับ 19) น.ส.นิชิต้า ชาห์ อายุน้อยที่สุดคือ 28 ปี สาวโสด เพียงรายเดียวจากทั้งหมด สืบทอดกิจการ พรีเชียส ชิปปิ้งจากบิดา ก่อนขยายออกไปสู่วงการแฟชั่นและเสื้อผ้าสำเร็จรูป มูลค่าทรัพย์สินรวม 375 ล้านดอลลาร์

อันดับ 20) นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ กรรมการผู้จัดการบีบีทีวี (ช่อง7) มูลค่าทรัพย์สินรวม 335 ล้านดอลลาร์

อันดับ 21) นางนันทา ชินธรรมมิตร เจ้าของกิจการน้ำตาลขอนแก่น มูลค่าทรัพย์สินรวม 330 ล้านดอลลาร์

อันดับ 22) นายประเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของกิจการบางกอกแอร์เวยส์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 245 ล้านดอลลาร์

อันดับ 23) คุณหญิงประภา และนายวิทย์ วิริยะประไพกิจ ผู้บริหาร สหวิริยา สตีล อินดัสตรี้ มูลค่าทรัพย์สินรวม 210 ล้านดอลลาร์

อันดับ 24) นายนิธิ โอสถานุเคราะห์ ได้รับตกทอดหุ้นบริษัท โอสถสภามา 25% มีเงินลงทุนอยู่ในไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และทำงานอยู่กับเมอร์ริลล์ ลินช์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 200 ล้านดอลลาร์

อันดับ 25) นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง อิตาเลียน-ไทย มูลค่าทรัพย์สินรวม 195 ล้านดอลลาร์

อันดับ 26) นายวิชัย รักศรีอักษร ผู้ก่อตั้งบริษัท คิงพาวเวอร์ ดำเนินกิจการร้านค้าปลอดภาษี มูลค่าทรัพย์สินรวม 190 ล้านดอลลาร์

อันดับ 27) นายเฉลิม อยู่วิทยา เจ้าของกิจการสยาม ไวเนอรี่ ประธานบริษัทเรดบุล อังกฤษ และมีหุ้นอยู่ในบริษัท กระทิงแดง 2% มูลค่าทรัพย์สินรวม 185 ล้านดอลลาร์ อันดับ

อันดับ 28) นายเกษม ณรงค์เดช และครอบครัว ประธานกลุ่มบริษัท เคพีเอ็น ที่มีบริษัทอยู่ในเครือมากกว่า 24 บริษัท มูลค่าทรัพย์สินรวม 180 ล้านดอลลาร์

อันดับ 29) นายเอนก สิทธิประศาสน์ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ในกิจการบิ๊กซี ซุปเปอร์มาร์เก็ต รองประธาน เซ็นทรัลพัฒนา กิจการอสังหาริมทรัพย์ในเครือ "จิราธิวัฒน์" มูลค่าทรัพย์สินรวม 177 ล้านดอลลาร์

อันดับ 30) นายเพชร และรัตน์ โอสถานุเคราะห์ มีหุ้นอยู่ในโอสถสภาคนละ 20 เปอร์เซ็นต์ รายหลังดำรงตำแหน่ง ซีอีโอของบริษัทอีกด้วย มูลค่าทรัพย์สินรวม 175 ล้านดอลลาร์

อันดับ 31) พรดี ลี้อิสระนุกูล สืบทอดกิจการในเครือกลุ่มบริษัทสิทธิผลจาก วิทยาผู้เป็นสามี มีหุ้นอยู่ในสิทธิผลมอเตอร์,ไทย สแตนเลย์ อีเลคทริค และบริษัทร่วมทุน อินูเอะ รับเบอร์ มูลค่าทรัพย์สินรวม 170 ล้านดอลลาร์

อันดับ 32) วิชา พูลวรลักษ์ เจ้าของกิจการ เมเจอร์ ซีนีเพลกซ์ เครือข่ายธุรกิจโรงภาพยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มูลค่าทรัพย์สินรวม 165 ล้านดอลลาร์

อันดับ 33) นิจพร สรณจิต ผู้ถิอหุ้นใหญ่ในอิตาเลียน-ไทย พี่สาวของเปรมชัย กรรณสูต เป็นประธานโรงแรมโอเรียนเต็ล และมีหุ้นส่วนตัวอยู่ในเครือโรงแรมอมารี มูลค่าทรัพย์สินรวม 160ล้านดอลลาร์



อันดับ 34) วิกรม กรมดิษฐ์ เจ้าของกิจการนิคมอุตสาหกรรม อมตนคร มูลค่าทรัพย์สินรวม 145 ล้านดอลลาร์

อันดับ 35) พรเทพ พรประภา และครอบครัว เจ้าของกิจการสยามกลการ มีหุ้นอยู่ใน เอพีฮอนด้า และเอสพี ซูซูกิ มูลค่าทรัพย์สินรวม 140 ล้านดอลลาร์

อันดับ 36) ไกรสร ชาญสิริ ประธานและผู้ก่อตั้ง ไทย ยูเนียน ฟรอซเซน กิจการทูน่ากระป๋องที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มูลค่าทรัพย์สินรวม 115 ล้านดอลลาร์

อันดับ 37) ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกลุ่มจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ มูลค่าทรัพย์สินรวม 110 ล้านดอลลาร์

อันดับ 38) ปลิว ตรีวิศวเวทย์ เจ้าของกิจการบริษัทก่อสร้าง ช.การช่าง มูลค่าทรัพย์สินรวม 100 ล้านดอลลาร์

อันดับ 39) สุเมธ ตันธุวณิช ผู้ก่อตั้ง รีเจอนัล คอนเทนเนอร์ ไลน์ กิจการเดินเรือ มูลค่าทรัพย์สินรวม 85 ล้านดอลลาร์

อันดับ 40) มาลิณี กิตะพาณิช และครอบครัว สืบทอดสมบูรณ์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี บริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากผู้เป็นสามี มูลค่าทรัพย์สินรวม 65 ล้านดอลลาร์

Monday, November 1, 2010

Anna Sui Rock Me


Anna Sui Rock Me




30ml-  1,500TB
50ml -  1,800TB
75ml-  2,150TB


Gucci Envy


Gucci Envy (W) edt 30ml
My Price: 1300TB | Counter Price: 1,550TB
Stock Available: 2 units
Gucci Envy Me (W) edt 30ml
My Price: 1,300TB | Counter Price: 1,550TB
Stock Available: 2 units
Gucci Envy Me 2 (W) edt 30ml
My Price: 1,300TB | Counter Price: 1,550TB
Stock Available: 2 units
Gucci Envy Me 2 (W) edt 100ml
My Price: 2,200TB | Counter Price: 3,500TB
Stock Available: 2 units