- ถ้าใช้ Manual Calculation ควรกำหนดให้เครื่องคำนวณก่อนเก็บข้อมูลทุกครั้ง โดยใช้เมนูคำสั่ง Tools > Options > Calculation > Recalculate before save เพื่อให้ผู้เปิดใช้ข้อมูลครั้งต่อไป ได้รับข้อมูลที่คำนวณครบถ้วนแล้วโดยไม่ต้องสั่งคำนวณอีก
- Save หลายๆครั้งและบ่อยๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุไฟฟ้าดับก่อนทำงานเสร็จ และยังเป็นการบังคับให้ Windows save file ครั้งแรกให้เสร็จก่อนด้วย
- Save ลงใน Hard Disk แล้วใช้โปรแกรม File Manager จาก My Computer ทำสำเนา Copy Hard Disk ไปยัง Floppy Disk
- ไม่ควรใช้การ Save จาก Excel เพื่อ Save ลง Floppy Disk โดยเฉพาะเมื่อสร้าง Link File ซึ่งอยู่ต่าง Directory/Folder กัน
- Save แล้วรอไฟสัญญาณดับก่อนเลิกงาน บางครั้งไฟสัญญาณแสดงการทำงานของ Disk Drive จะติดๆดับๆหลายครั้งจึงจะแสดงว่าทำงานเสร็จแล้วจริง
- Save หลายๆชุด มีชุดสำรองเสมอ แล้วแยกเก็บคนละสถานที่
Work Hard ต่างจาก Work Smart ด้วย Excel อย่างไร และคนที่เรียกว่าเก่ง Excel จริงนั้นเป็นอย่างไร
- Work Hard จะใช้คอมพิวเตอร์ได้แค่ แบบเครื่องคิดเลขหรือเครื่องพิมพ์ดีด ส่วน Work Smart จะมีลักษณะเด่น ดังนี้
- คิดวางแผนการสร้างการใช้งาน บนกระดาษก่อน แล้วจึงค่อยเริ่มใช้ Excel
- แยกส่วน Input-Calculate-Output และเริ่มต้นออกแบบงานจากส่วนที่เป็น Output ก่อนตามด้วย Input สำหรับส่วน Calculate นั้นให้สร้างหลังสุด
- ใช้ Format เท่าที่จำเป็นเฉพาะเพื่อให้ดูดีแบบธุรกิจ ไม่ใช่ใช้แบบศิลปะ
- สร้างงานที่ง่ายต่อผู้ใช้งาน สามารถนำโปรแกรมที่สร้างไปใช้ได้กับทุกเครื่อง
- นำงานเก่าที่สร้างไว้มาดัดแปลงแก้ไขได้ง่าย ขอให้ใช้หลักการ ถอดหัวใจออก เช่น แยกส่วนของแบบรายงาน ส่วนของสูตรสำคัญ ส่วนของตัวแปร ออกเป็น File ย่อยแต่ละเรื่อง ต่อเมื่อต้องการสร้างงานใหม่จึงค่อยนำ File เหล่านี้มารวมตัวกันใหม่
- ใช้เวลาน้อยลงเมื่อทำงานซ้ำๆ
- คุ้มค่ากับเวลาที่ใช้สร้าง
- คนเก่ง Excel ต้องสามารถใช้ Excel กับงานได้ทุกชนิด และไม่หยุดการเรียนรู้
- ผู้บริหารต้องสร้างสภาพแวดล้อมการทำงาน และพิจารณาผลงานให้เหมาะสมด้วย มิฉะนั้นพนักงานอาจเลือกทำงานแบบ Work Hard ทั้งๆที่รู้ว่าจะ Work Smart ได้อย่างไรก็ได้ ผู้บริหารควรใส่ใจกับวิธีใช้ Excel สร้างงานและระยะเวลาที่ใช้ทำงานแต่ละครั้ง เป็นเกณฑ์พิจารณาความดีความชอบ มากกว่าดูจากผลงานที่พิมพ์เสร็จแล้ว
วิธี Cloning สูตรเดียว ให้กลายเป็นหลายสูตร โดยไม่ต้องสร้างสูตรใหม่
- Data Table ใช้ยืมสูตรที่สร้างไว้แล้วเพื่อหา sensitivity ของผลลัพธ์เมื่อค่าของตัวแปรเปลี่ยนไป
- Data Table ใช้ตัวแปรได้จำกัดแค่ 2 ตัวเท่านั้น
- ใช้ Index ร่วมกับ Data Table ทำให้ใช้ตัวแปรได้ไม่จำกัดจำนวน โดยใช้เลขดัชนีของ Row/Column ของชุดตัวแปรที่ต้องการ ยิงเข้าในเมนูคำสั่ง Data > Table แทนการยิงค่าของตัวแปร
- Data Table ทำให้คำนวณช้าลง อาจเลือกคำนวณแบบ Automatic Except Table ก็ได้โดยใช้เมนูคำสั่ง Tools > Options > Calculation > Automatic Except Tables
วิธีสร้างกราฟและนำตารางข้อมูลไปแสดงในกราฟ ซึ่งตัวเลขในตารางนี้จะเปลี่ยนแปลงไป เมื่อผลคำนวณเปลี่ยนไป
- ใช้ Text formula = fml & "Text" & fml ผสมคำที่ต้องการขึ้นใน Worksheet ก่อนนำไปแสดงต่อบนกราฟ
- การนำข้อมูลไปแสดงบนกราฟเพิ่มเติม ให้ key เครื่องหมาย = บนกราฟ แล้วสร้างสูตรอ้างอิงจากกราฟกลับมาที่ตัวข้อมูลใน sheet จะทำให้ค่าที่แสดงบนกราฟปรับเปลี่ยนไปตามผลการคำนวณใหม่เสมอ
- การสร้างตารางบนกราฟ ใช้ Shift+Edit > Copy Picture เพื่อนำภาพตารางไปแปะ Paste บนกราฟ แล้วสร้างสูตรอ้างอิงจาก Picture กลับมาที่ตัวตารางข้อมูลใน Worksheet
วิธีใช้ VBA ที่ถูกต้อง เมื่อใดไม่ควรใช้ VBA
- คุณควรใช้ VBA ในกรณีต่อไปนี้
- ใช้กับงานที่ทำซ้ำ เช่น การเปิดปิด File จัดรูปแบบ สั่งคำนวณ และสั่งพิมพ์ โดยใช้ Macro Recorder จากเมนู Tools > Macro > Record New Macro
- ใช้กับงานซับซ้อนที่ง่ายต่อการทำผิดขั้นตอน โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับ Fileที่ link กันหลายๆชุด และงานที่มีลำดับการทำงานที่ผิดพลาดได้ง่าย
- ใช้กับงานที่ไม่มีสูตรสำเร็จรูปของ Excel โดยใช้ Function VBA สร้างสูตรขึ้นมาใหม่แล้วเรียกใช้ได้เช่นเดียวกับสูตรสำเร็จรูป แต่ Function VBA ทำงานช้ากว่าสูตรสำเร็จรูปมาก และแทบไม่จำเป็นต้องสร้างสูตรใหม่ขึ้นมาเองเลยเพราะ Excel จัดเตรียมสูตรสำเร็จรูปไว้มากมายอยู่แล้ว
- ใช้กับงานที่ผู้ใช้โปรแกรมไม่มีความรู้ลึกในการใช้งาน ช่วยให้ทำงานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีความรู้ Excel มาก่อน
- ไม่ควรใช้ VBA ในกรณีต่อไปนี้
- ไม่ควรใช้ VBA กับงานที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง หรือใช้เวลาสร้างนานเกินไป โดยเฉพาะในงานที่ผู้สร้างต้องลงทุนลงแรงของตนเองไปมาก แต่ได้ประโยชน์กลับมาไม่คุ้มกัน
- ไม่ควรใช้ VBA กับงานที่สามารถใช้สูตรสำเร็จรูปได้อยู่แล้ว และไม่ควรพยายามสร้างลำดับการคำนวณขึ้นเองด้วย VBA (คุณควรสร้างสูตรใน Worksheet แล้วใช้ VBA ช่วยในการรับ Input สั่งคำนวณ แล้วส่งผลลัพธ์ Output ตามรูปแบบที่ใช้ VBA จัดขึ้นแล้วแต่กรณี)
- ไม่ควรใช้ VBA กับงานที่ใช้โปรแกรมอื่นทำได้ดีกว่า
- ไม่ควรใช้ VBA กับงานที่ยังไม่มีมาตรฐานแน่นอน ทั้งในเรื่องของลำดับการทำงาน ตัวแปรและสูตรที่ใช้ ชื่อเรียกหัวข้องาน และรูปแบบของตารางต่างๆ โดยคุณควรรอให้งานที่จะใช้ VBA มีสถานะที่คงตัว และไม่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญใดๆอีกก่อนแล้วจึงนำ VBA มาใช้
- ไม่ควรใช้ VBA กับงานที่ผู้สร้างกำลังจะลาออกหรือถูกโยกย้ายงาน แล้วผู้ที่จะมารับผิดชอบต่อไปแทนไม่มีประสบการณ์ความรู้ Excel เท่าเทียมกัน
No comments:
Post a Comment